กำเนิดพระนาม “ท่านหญิงนา”

พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจุลจักรพงษ์ ทรงเล่าถึงสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินีในรัชกาลที่ ๗ เมื่อทรงพระเยาว์ว่า “เพื่อนเล่นที่ข้าพเจ้ารักมากที่สุดเป็นหญิงและแก่กว่าข้าพเจ้าราวสามปี เป็นหม่อมเจ้าธิดาของเสด็จปู่สวัสดิ์ ทรงนามว่า รำไพพรรณี และเรียกกันในเวลานั้นว่า ท่านหญิงนา...เมื่อเล็กๆ อยู่ เป็นเด็กที่มีรูปร่างอ้วน จึงถูกล้อว่าเป็นเต่า สำหรับไทยเรา การถูกเรียกว่าเต่า เมื่อเล็กๆ ไม่เป็นของเสียหาย แม้ทูลหม่อมลุงก็เคยถูกสมเด็จย่าเรียกว่าเต่า อย่างไรก็ดี เมื่อท่านหญิงนายังเล็กๆ อยู่ ได้ถูกถามว่า “อยากเป็นอะไร อยากเป็นเต่าทองหรือเต่านา” ท่านหญิงยิ้ม และตอบว่า “อยากเป็นเต่านา” และก็กลายเป็นท่านหญิงนาตั้งแต่นั้นมา” สมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี เป็นธิดาสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระสวัสดิวัดนวิศิษฎ์ และพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าหญิงอาภาพรรณี เมื่อทรงพระเยาว์ได้ถวายตัวแด่สมเด็จพระศรีพัชรินทรา บรมราชินีนาถในรัชกาลที่ ๕ ซึ่งทรงเป็นพระมาตุจฉา “สมเด็จป้า” ตามพระราชประเพณีที่เจ้านายสตรีรุ่นเยาว์และกุลธิดาขุนนางจะได้รับการอบรมศึกษาฝึกฝนจากพระราชสำนักและวังเจ้านาย ซึ่งถือเป็นแหล่งเรียนรู้วิชาการและขนบธรรมเนียม

“ฉันไม่เคยเป็นเด็ก พออายุ ๑๔ – ๑๕ ก็ต้องเป็นผู้ใหญ่เลย”

ทรงเริ่มชีวิตคู่ที่วังศุโขทัย ที่ประทับในสมเด็จเจ้าฟ้ากรมขุนศุโขไทยธรรมราชา จากเจ้านายรุ่นเยาว์ที่ต้องคอยตามเสด็จ “สมเด็จป้า” หรือสมเด็จพระบรมราชินีนาถและพระพันปีหลวง มาเป็นพระชายาในสมเด็จเจ้าฟ้า ต้องทรงวางพระองค์ให้เหมาะสมกับพระอิสริยยศพระสวามีในยามที่ต้องตามเสด็จออกนอกวัง ต้องทรงทำหน้าที่ดูแลงานในพระตำหนัก ให้เป็นที่ต้องพระราชหฤทัย ต้องทรงปรนนิบัติพระสวามีให้ทรงพระสำราญ ต้องดูแลปกครองผู้คนในพระตำหนักอย่างเมตตา นี่คือภารกิจที่หม่อมเจ้าหญิงชันษา ๑๔ ต้องทรงปฏิบัติ ในยามว่าง ก็โปรดทรงกีฬาแบดมินตัน เทนนิส ซึ่งทรงร่วมกับพระสวามี