. . .
เมื่อพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จสวรรคต ไม่มีพระราชโอรส มีแต่พระราชธิดาองค์เดียว คือ สมเด็จเจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพรรณวดี ซึ่งไม่สามารถสืบราชสมบัติได้ สมเด็จเจ้าฟ้าประชาธิปกศักดิเดขน์ กรมหลวงสุโขทัยธรรมราชา ซึ่งทรงเป็นรัชทยาท จึงทรงรับสิริราชสมบัติ เฉลิมพระปรมาภิไธยว่า พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาประชาธิปก พระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว และทรงสถาปนาหม่อมเจ้าหญิงรำไพพรรณี พระวรชายา ขึ้นเป็นสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินี ทรงย้ายราชสำนักมาประทับที่พระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิตโดยมีพระราชพิธีเฉลิมพระราชมณเฑียรวันที่ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2469
พระราชวังดุสิตในครั้งนั้น แบ่งเป็นเขตพระราชฐานชั้นนอก และเขตพระราชฐานชั้นใน เขตพระราชฐานชั้นนอก เป็นที่อยู่ของฝ่ายชาย หญิงจะอยู่ได้เฉพาะสตรีที่แต่งงานแล้วและเด็ก ผู้ที่ยังมิได้สมรสแต่ทรงได้รับสิทธิพิเศษในการเข้าออกเขตพระราชฐานชั้นนอกได้ คือ พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้ามนัศสวาสดิ์ พระอภิบาลในพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว เขตพระราชฐานชั้นในเป็นบริเวณที่ห้ามบุรุษอื่นเข้า คงมีเพียงพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและเด็กชาย พระราชฐานชั้นในหมายถึงบริเวณพระที่นั่งวิมานเมฆ และตำหนักที่ประทับของพระมเหสีเทวี พระราชธิดาและเจ้าจอมในรัชกาลที่ 5 ซึ่งอยู่ทางทิศเหนือและตะวันตกของเขตพระราชฐาน ซึ่งประกอบด้วยสวนต่างๆ มี สะพาน ถนน มีคลองเชื่อมต่อกัน มาบรรจบกันที่คลองอ่างหยก ซึ่งแยกพระที่นั่งอัมพร กับเขตพระราชฐานชั้นใน มีเรือนต้นซึ่งเป็นหมู่เรือนไทยฝากระดานริมคลองอ่างหยก ระเบียบชาววังเข้มงวดมาก เขตพระราชฐานชั้นในมีแต่สตรีและเด็ก ฝ่ายชายที่ไม่ใช่เด็กเข้าไม่ได้ ยกเว้นพนักงานชาวที่หรือคนทำความสะอาด ซึ่งเวลาเข้าจะมีผู้หญิงที่ทำหน้าที่โขลนคุมให้เข้าออกตามเวลา
พระที่นั่งอัมพรสถาน เป็นที่ทรงว่าราชการในฐานะพระมหากษัตริย์ เช่น ประชุมคณะอภรัฐมนตรีสภา เสด็จออกให้ขุนนาง ข้าราชการ ชาวต่างประเทศเข้าเฝ้าฯ อย่างเป็นทางการและไม่เป็นทางการ การพระราชทานน้ำพระมหาสังข์แก่คู่สมรส เช่น วันที่ 23 พฤสจิกายน พ.ศ. 2471 เวลา 17.00 น. เสด็จออกพระราชทานน้ำพระมหาสังข์ในพิธีเสกสมรสระหว่าง หม่อมเจ้านักขัตรมงคล กิติยากร กับหม่อมหลวงบัว สนิทวงศ์ ทรงเจิมและพระราชทานเงินรับไหว้แก่เจ้าบ่าว 10 ชั่ง เจ้าสาว 5 ชั่ง คู่สมรสลงนามในสมุดทะเบียนเฉพาะพระพักตร์ ทรงลงพระปรมาภิไธยพร้อมด้วยสมเด็จพระบรมราชินี โปรดเกล้าฯ ให้เจ้านายและข้าราชการลงพระนามและลงนามเป็นพยาน
วันที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2470 โปรดเกล้าฯ ให้ตกแต่งโรงช้างพระราชวังดุสิต เพื่อจัดพิธีสมโภชช้างเผือกประจำรัชกาล พระราชทานราชทินนามว่า พระเศวตคชเดชน์ดิลกฯ