ประแป้งแต่งตัว

     อาบน้ำแล้วก็ทาแป้งแต่งตัว ในยุคต้นรัตนโกสินทร์นั้นไม่เน้นการแต่งหน้ามาก ถ้าหญิงใดแต่งหน้ามากเกินไปก็จะถูกว่าเหมือนนางละคร การแต่งกายของผู้หญิงยุคต้นรัตนโกสินทร์นั้นยังไม่ได้รับอิทธิพลวัฒนธรรมตะวันตก เครื่องสำอางก็ใช้ธรรมชาติที่มีอยู่ หรือใช้ของที่มาจากเมืองจีน




ดอกมะลิซ้อน  ใช้อบร่ำเครื่องสำอาง

   


ดอกชำมะนาด  ใช้อบร่ำเครื่องสำอาง

   


ดอกกระดังงา  ใช้อบร่ำเครื่องหอม

     แป้งที่ใช้ผัดหน้า เป็นแป้งนวลที่อบร่ำจนหอม และผสมเกสรดอกไม้หอม เช่น ดอกสารภี "เก็บกันตอนเช้ามืดแล้วใส่ตะแกรงลวดเขย่าๆ ให้เกสรสีเหลืองของดอกสารภีร่วงลงในชามอ่างใบใหญ่ แล้วเอาผ้าขาวบางร่อนเอาแต่ละอองเรณูเป็นผงสีเหลืองละเอียดหอมฟุ้ง เอาแป้งหินเม็ดๆ มาละลายน้ำแล้วคนด้วยไม้พายจนแห้งแตก และเอาเกสรสารภีซึ่งร่อนแล้วเป็นผงใส่ในแป้ง ใช้ไม้พายกวนจนแป้งกลายเป็นสีเหลืองนวล แล้วนำใบตองมาทำเป็นกรวยสำหรับหยอดเม็ดแป้ง แล้วหยอดลงในถาดผ้าขาวบางให้เป็นเม็ด ยอดแหลมเท่ากัน ตากแดด เมื่อแป้งแห้งก็นำไปบรรจุในขวดอบด้วยควันเทียนให้หอมยิ่งขึ้น" การทาแป้งเวลาอยู่บ้าน ใช้วิธีประแป้งเป็นริ้วๆ แต่พออกนอกบ้าน เจ้าหล่อนจะบรรจงผัดหน้าเป็นนวลใย ชนิดของแป้งก็ตามฐานะ ถ้ามั่งมีก็ใช้แป้งเนื้อละเอียดผสมเครื่องหอม ยากจนก็ใช้แค่ดินสอพอง




เทียนอบ  ใช้จุดเอาควันหอมใส่ในโถหรือหีบร่วมกับดอกไม้หอมเพื่ออบ

   


ผ้าหรือแป้งดอกสารภี  ใช้เกสรผสมแป้ง

   


การอบร่ำด้วยดอกไม้สด

   


ดินสอพอง



     นอกจากแป้งร่ำ ยังมีแป้งพวง ที่ทำโดยการหยดแป้งลงบนด้าย เอาไว้พกติดตัวเวลาออกนอกบ้าน และแป้งญวน เป็นแป้งข้าวจ้าวบดละเอียดใส่เครื่องหอม


ขวดน้ำหอมและโถใส่แป้งเม็ด


   หน้าหลัก