รำโทน..รำวง..เป็นการละเล่นพื้นเมืองของไทยเพื่อความสนุกสนานรื่นเริง ประกอบด้วยเครื่องดนตรี การแต่งกาย บทเพลงพื้นบ้าน และลีลาท่าฟ้อนรำที่เรียบง่ายตามศิลปะการละเล่นแบบพื้นบ้าน ผู้ที่ไม่เคยรำมาก่อนเมื่อเห็นก็สามารถรำตามได้ เป็นกิจกรรมการละเล่นที่ให้ความรื่นเริง สนุกสนาน แก่คนทุกรุ่นทุกวัย นับเป็นภูมิปัญญาชาวบ้านอันชาญฉลาด เป็นการเสริมสร้างความผูกสมัครรักใครสามัคคีสนิทสนมกลมเกลียวเป็นกันเอง ยังความสำเร็จให้เกิดประโยชน์ในการเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ตามสภาพแวดล้อมธรรมชาติในท้องถิ่นสังคมการเกษตร นับเป็นมรดกอันล้ำค่าทางด้านศิลปวัฒนธรรมของชาติที่ควรรักษา สืบทอด และเผยแพร่ ให้รู้จักอย่างกว้างขวางต่อไป
รำโทน รำพื้นเมือง การละเล่นพื้นบ้าน
รำโทน เป็นการละเล่นพื้นบ้าน ที่มี โทน เครื่องตีประกอบจังหวะ ร่วมกับ ฉิ่ง กรับ และ ลูกแซ็ด ร่วมกับเนื้อร้องทำนองเพลงสนุกสนาน และท่ารำง่ายๆ ซึ่งจะร้องและรำกันไปเป็นวงกลมจากซ้ายไปขวา นิยมเล่นกันในท้องถิ่นจังหวัดพิจิตร และได้ขยายตัวอย่างรวดเร็วไปตามจังหวัดต่างๆ จึงมีผู้คิดประดิษฐ์ประพันธ์เนื้อร้องและทำนองเพลงให้มีสีสัน เนื้อร้องจะเป็นทำนองเชิญชวน สัพยอกหยอกเย้า ชมโฉม เกี้ยพาราสี หนุ่มสาวคร่ำครวญรำพันรัก และบทเปรียบเทียบปลุกใจทำให้เกิดความรัก ความสามัคคี ความรักชาติ ผู้แต่งเนื้อเพลงและทำนองส่วนใหญ่เป็นชาวบ้านในท้องถิ่น บทประพันธ์จึงไม่ประณีตพิถีพิถันในเรื่องของการใช้ถ้อยคำและสัมผัส เพลงรำโทนจำนวนมากจึงสูญหายไป แต่ถ้าบทเพลงใดที่มีเนื้อร้องกินใจไพเราะ ก็จะอยู่ในความทรงจำของชาวบ้านสืบต่อมาถึงปัจจุบัน เช่น เพลงยวนย่าเหล หล่อจริงนะดารา ตามองตา โอ้ช่อมาลี เดือนดารา และ ใกล้เข้าไปอีกนิด เป็นต้น
บทเพลงรำโทน
บทเพลงรำโทนสมัยเก่า จำนวน 6 เพลง เนื้อร้องจะสั้น ง่ายต่อการจำ ดังนี้
- เพลงยวนย่าเหล
-
ยวนย่าเหล ยวนย่าเหล หัวใจว้าเหว่ ไม่รู้จะเห่ไปหาใคร จะซื้อเปลยวนที่สายหย่อนๆ (ซ้ำ) จะเอาน้องนอนำไกวเช้าไกวเย็น
- เพลงหล่อจริงนะดารา
-
หล่อจริงนะดารา งามตาจริงแม่สาวเอย คืนนี้ฉันมีความสุข สนุกรื่นเริงหัวใจ ที่นี่เป็นแดนสรรค์ เธอกับฉันมาเล่นคองก้า (ซ้ำวรรคท้าย)
- เพลงตามองตา
-
ตามองตา สายตามาจ้องมองกัน รู้สึกเสียวซ่านหัวใจ รักฉันก็ไม่รัก หลงฉันก็ไม่หลง ฉันยังอดโค้งเธอไม่ได้ เธอช่างงามวิไล (ซ้ำวรรคท้าย) เหมือนดอกไม้ที่เธอถือมา
- เพลงช่อมาลี
-
โอ้ช่อมาลี คนดีของพี่ก็มา สวยจริงหนาเวลาค่ำคืน (ซ้ำวรรคท้าย) ดวงจันทร์ไปไหน ทำไม่ถึงไม่ส่องแสง เดือนมาแฝงแสงสว่าง เมฆน้อยลอมาบัง แสงสว่างก็จางหายไป
- เพลงเดือนดารา
-
เดือนดารา เด่นบนฟ้า ดาราขาวผ่อง เด่นบนฟ้าน่ามอง ให้เธอไปจองคนรักเสียใหม่
- เพลงใกล้เข้าไปอีกนิด
-
ใกล้เข้าไปอีกนิด ชิดๆ เช้าไปอีกหน่อย ตาหวานน้อยๆ อยู่ในวงฟ้อนรำ รูปหล่อเขาเชิญมาเล่น เนื้อเย็นเขาเชิญมารำ มองหน้านัยน์ตาหวานฉ่ำ (ซ้ำ) มามารำกับพี่นี่เอย
สัปดาห์รำโทน
รำโทน ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายมากที่สุด ในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 พ.ศ. 2484 โดยรุ่งเรืองถึงขีดสุดอยู่ระหว่าง พ.ศ. 2484 - 2491โดยเฉพาะจังหวัดธนบุรี กรุงเทพฯ นนทบุรี ปทุมธานี และเกือบ ทุกจังหวัดของภาคกลาง การเล่นรำโทน ใช้ลานบ้านเป็นสถานที่เล่น โดยการจุดตะเกียงเจ้าพายุตั้งไว้บนก้นครกตำข้าวที่บริเวณกลางลานบ้าน หนุ่มๆ สาวๆ จะแต่งตัวออกไปตามหมู่บ้านที่มีรำโทน ฝ่ายชายจะร้องเพลง และออกไปโค้งฝ่ายหญิงเพื่อเชิญชวนให้ออกมาร่ายรำ ฝ่ายหญิงก็จะลุกขึ้นมารำกับฝ่ายชายเป็นคู่ๆ อย่างสนุกสนาน พ่อแม่ คนเฒ่าคนแก่ ก็จะนั่งดูลูกหลานกันอย่างตั้งอกตั้งใจ และเมื่อดึกพอสมควรแล้ว ผู้ใหญ่ก็จะบอกให้เลิก วันคืนไหนจะมีรำโทนอีก ก็จะนัดกันไว้ แต่ในวันเทศกาลงานบุญ เช่น วันสงกรานต์ จะมีรำโทนตามหมู่บ้านทั่วไปทุกคืน เรียกว่า สัปดาห์รำโทน
จากรำโทน สู่ รำวงมาตรฐาน
พ.ศ. 2487 กรมศิลปากรทำการปรับปรุงรำโทนตามนโยบายของรัฐบาลในเวลานั้นให้มีความงดงามมากยิ่งขึ้นเพื่อให้เป็นศิลปะการละเล่นระดับชาติ โดยการปรับปรุงทั้งเครื่องดนตรี บทเพลง และท่ารำที่ดัดแปลงและปรับปรุงให้มีความอ่อนช้อยตามแบบนาฏศิลป์ไทย เช่น ท่าสอดสร้อยมาลา ชักแป้งผัดหน้า แขกเต้าเข้ารัง และรำส่าย เป็นแม่ท่าแบบมาตรฐาน และมีการปรับปรงเพลงขึ้นใหม่ เช่น งามแสงเดือน ชาวไทย มาซิมารำ คืนเดือนหงาย และเปลี่ยนชื่อมใหม่จาก รำโทน เป็น รำวง เพื่อให้สอดคล้องกับการร่ายรำ ที่เคลื่อไปย้ายไปทางซ้ายเป็นวงกลม ต่อมาท่านผู้หญิงละเอียด พิบูลสงคราม ได้ประพันธ์เนื้อร้องเพิ่มอีก 6 เพลง คือ ดอกไม้ของชาติ ดวงจันทร์วันเพ็ญ บูชานักรบ หญิงไทยใจงาม ดวงจันทร์ขวัญฟ้า และเพลงยอดชายใจหาญ และประดิษฐ์ท่ารำใหม่ให้งดงามยิ่งขึ้น เพื่อใช้ในงานสังคมระดับชาติ และเรียกว่า รำวงมาตรฐาน จนถึงทุกวันนี้
อ้างอิง
ทองคำ พันนัทธี. (ตุลาคม 2537). รำวง เป็นศิลปะการละเล่นพื้นบ้านของ ไทย เราจะส่งเสริมกันอย่างไร. วัฒนธรรมไทย, 3(1), 30-32.
https://www.matichonweekly.com/column/article_687284