ตำนาน จยาม

กาลครั้งหนึ่งมีพระมหากษัตริย์ชื่อ ซาโมยยกกะ ซึ่งมีโอรสชื่อแมนนนใต้ (แมนนันดา) เจ้าชายหลงรักสาวคนหนึ่งที่เมืองเสียง (ตะเหลียง) ที่อยู่ฝั่งตรงข้ามโดยมีแม่นำกั้นกลาง และในแม่น้ำมีจระเข้อาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก และได้ทำร้ายผู้คนที่อาศัยและเดินทางในแม่น้ำสายนี้ แต่มีจระเข้อยู่ตัวหนึ่งตั้งชื่อให้จระเข้ตัวนี้ว่า มดปรัว (เม็ดฝน) เวลาที่เจ้าชายจะไปหาหญิงคนรักก็จะให้มดปรัวพาเจ้าชายข้ามแม่น้ำไปหาสาวคนรัก จระเข้ที่อาศัยอยู่ในแม่น้ำนี้ได้เกิดการทะเลาะวิวาทและรุมกัดกัน ทำให้การเดินทางพาเจ้าชายไปหาสาวคนรักมีอุปสรรค มดปรัวจึงให้เจ้าชายเข้าไปอยู่ในปากของตน เพื่อไม่ให้เจ้าชายได้รับอันตรายจากจระเข้ตัวอื่น แต่ระหว่างทางที่พาเจ้าชายข้ามฝั่งกลับ มดปรัวโดยจระเข้ตัวอื่นรุมกัด ทำให้มดปรัวเจ็บสาหัส และถึงแก่ความตายก่อนที่จะพาเจ้าชายกลับถึงฝั่ง ทำให้เจ้าชายที่อยู่ในปากของมดปรัวขาดอากาศหายใจและตายอยู่ในปากพร้อมกับมดปรัว เมื่อกษัตริย์ผู้เป็นพ่อและประชาชนทั่วทั้งเมืองทราบข่าวก็ต่างพากันเสียใจ จนข่าวการตายของเจ้าชายทราบถึงสาวคนรัก จึงทำให้สาวคนรักนั้นเสียใจมากจนตรอมใจตายตามเจ้าชายแมนนันดาไปในเวลาต่อมา กษัตริย์ผู้เป็นพ่อจึงจัดพิธีเผาศพลูกชายและสาวคนรักไปพร้อมๆ กัน ระหว่างที่เผาศพของทั้งคู่ ควันไฟที่เผาศพของทั้งสองเมืองก็ลอยขึ้นไปบนฟ้าและขึ้นไปรวมตัวกันในอากาศ จากเหตุการณ์ในครั้งนี้ทำให้เกิดตำนานความรักและเรื่องราวของจระเข้ที่ชื่อมดปรัว จนกลายเป็นสัญลักษณ์หนึ่งของชาวมอญ เพื่อเป็นการยกย่อง เชิดชู ในความรักความซื่อสัตย์ของมดปรัวที่มีต่อเจ้าชาย ด้วยความเคารพนับถือ จึงนำมาซึ่งความเป็นเอกลักษณ์และสัญลักษณ์ของชาวมอญตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน โดยนำมาดัดแปลงเป็นเครื่องดนตรีที่เรียกว่า จยาม ให้มีรูปร่างเหมือนจระเข้จริงๆ มีลวดลายที่เป็นเหมือนเกล็ด มีหัว มีตา มีปาก มีขา มีเท้าและมีหางตามจินตนาการของชาวมอญสืบมา