พระราชพิธีบรมราชาภิเษกนั้นเป็นพระราชพิธีเก่าแก่ที่มีความเป็นมาอย่างยาวนานของราชวงศ์จักรี ซึ่งเป็นพิธีที่เป็นเครื่องเชิดชูเฉลิมพระเกียรติยศองค์พระประมุขว่าได้ทรงเป็นพระราชาธิบดีของประเทศโดยสมบูรณ์แล้ว ทุกกระบวนการในพระราชพิธี มีความหมาย แสดงให้เห็นถึงวัฒนธรรมของชาติไทย พระราชพิธีบรมราชาภิเษกในพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวนั้นเกิดขึ้นในวันที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2468 ถึงวันที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2468
ประกอบด้วยพิธีจารึกพระสุพรรณบัฏปรมาภิไธย จารึกดวงพระชนมพรรษา แกะพระราชลัญจกรสำหรับแผ่นดินด้วยงากลึง และพิธีเสกน้ำมูรธาภิเษกตามวัดในมณฑลต่างๆ รวมทั้งสิ้น 17 มณฑล 18 แห่ง และเสด็จพระราชดำเนินถวายบังคมพระบรมอัฐิบูรพมหากษัตราธิราชเจ้า และพระราชินี โดยกระทำก่อนวันพระราชพิธีคือในวันที่ 3, 4 และ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2468
พิธีเสกน้ำมูรธาภิเษก กระทำที่พระมหาเจดีย์ที่เป็นหลักของมหานครโบราณ 7 แห่ง คือ มณฑลอยุธยา มณฑลพิษณุโลก พระมหาธาตุสวรรคโลก มณฑลนครชัยศรี มณฑลนครศรีธรรมราช มณฑลพายัพ มณฑลอุดร
และมณฑลอื่นๆ โดยกระทำพิธีเช่นเดียวกับมหาเจดีย์ รวม 11 แห่ง คือ มณฑลร้อยเอ็ด มณฑลราชบุรี มณฑลนครสวรรค์ มณฑลปราจีน มณฑลนครราชสีมา มณฑลมหาราษฎร์ มณฑลอุบล มณฑลจันทบุรี มณฑลสุราษฎร์ มณฑลปัตตานี มณฑลภูเก็ต
การพิธีเบื้องต้นงานพระราชพิธีบรมราชาภิเษกพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว เป็นพิธีเจริญพระพุทธมนต์ ตั้งน้ำวงด้าย จุดเทียนชัย ก่อนวันพระราชพิธี ประกอบด้วยการพระราชพิธีรวมทั้งสิ้น 4 วัน
วันที่ 21-24 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2468 โดยในวันที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2468 พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงจบเครื่องบวงสรวง เครื่องสักการะบูชา และเทียนชนวนพระราชทานให้เจ้าพนักงานนำไปบูชาพระสยามเทวาธิราช พระมหาเศวตฉัตรในพระราชมณเฑียรสถานในพระบรมมหาราชวังและสถานที่เคารพต่างๆ รวม 17 แห่ง มีการประกาศการพระราชพิธีบรมราชาภิเษก ในตอนเย็นวันเดียวกัน
พระราชพิธีบรมราชาภิเษกพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว จัดขึ้นในวันที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2468 เริ่มด้วยพิธีสรงพระมูรธาภิเษก จากนั้นประทับบนพระแท่นอัฐทิศอุทุมพร รับน้ำอภิเษก ประทับพระที่นั่งภัทรบิฐ พราหมณ์ทูลเกล้าเฉลิมพระปรมาภิไธย ทรงรับการถวายสิริราชสมบัติ เครื่องสิริราชกกุธภัณฑ์ และเครื่องบรมราชาภรณ์
เครื่องสิริราชกกุธภัณฑ์ และเครื่องบรมราชาภรณ์ เป็นเครื่องประกอบพระราชอิสริยยศ ประกอบด้วย พระสุพรรณบัฏ พระสังวาลย์พราหมณ์ธุรำ พระสังวาลย์นพรัตนราชวราภรณ์ พระสังวาลย์พระนพ พระมหาภิชัยมงกุฎ พระขรรธ์ชัยศรี ทานพระกร พัดวาฬวิชนี พระแส้จามรี พระแส้หางช้างเผือก พระธำมรงค์วิเชียรจินดา พระธำมรงค์รัตนวราวุธ ฉลองพระบาทเชิงงอน พระแสงฟักทองเกลี้ยง ทานพระกรเทวรูป พระสุพรรณศรีบัวแฉก พานพระขันหมาก พระมณฑป พระเต้าทักษิโณทก พระแสงหอกเพ็ชรรัตน์ พระแสงดาบเชลย พระแสงตรี พระแสงจักร์ พระแสงเขนมีดาพ พระแสงธนู พระแสงของ้าวพลพ่าย และพระแสงปืนคาบชุดข้ามแม่น้ำสโตง
25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2468 หลังเสร็จพระราชพิธีบรมราชาภิเษกแล้วพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงเสด็จออกมหาสมาคมและทรงสถาปนาหม่อมหญิงเจ้ารำไพพรรณีพระวรราชชายา
ขึ้นเป็นสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินี โดยพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ เสนาบดีกระทรวงมุรธาธิการอ่านประกาศกระแสพระบรมราชโองการทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ
สถาปนาหม่อมเจ้าหญิงรำไพพรรณีพระวรราชชายา จากนั้นเสด็จพระราชดำเนินไปทำพิธีประกาศพระองค์เป็นศาสนูปถัมภกในพระพุทธศาสนา ถวายบังคมพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว และพระบรมอัฐิพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระบรมราชินีในรัชกาลก่อนๆ และเสด็จพระราชดำเนินเฉลิมพระราชมณเฑียรสถานตามขัตติยราชประเพณี ตามลำดับ
วันที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2468 เสด็จออกท้องพระโรงให้บุคคลคณะต่างๆ เข้าเฝ้าถวายพระพร
ตามราชประเพณีแห่งงานบรมราชาภิเษก เมื่อได้ทรงรับอภิเษกเป็นพระมหากษัตริย์แล้ว จะเสด็จไปกระทำราชสักการะในพระอารามหลวงที่จัดว่าสำคัญ เป็นที่ทรงนับถือยิ่ง และเป็นโอกาสที่ราษฎรจะได้เฝ้าชมพระบารมีตามทางที่เสด็จพระราชดำเนินด้วย
พระบาทสมด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้มีการเสด็จพระราชดำเนินเลียบพระนครโดยกระบวนพระพยุหยาตราทางสถลมารคเพื่อทรงนมัสการปูชนียวัตถุที่วัดบวรนิเวศราชวรวิหารและ
วัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหาร ในวันที่ 1 มีนาคม พ.ศ.2468 และเสด็จเลียบพระนครด้วยกระบวนพยุหยาตราชลมารค เพื่อทรงนมันสการปูชนียวัตถุที่วัดอรุณราชวราราม ในวันที่ 3 มีนาคม พ.ศ.2468
