ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติกราบบังคมทูลอัญเชิญสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ ทรงรับราชสมบัติ
และเมื่อพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เสด็จสวรรคตเมื่อวันที่ ๑๓ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๙ รัฐสภาได้พิจารณารัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยประกอบกฎมณเฑียรบาลว่าด้วยการสืบราชสันตติวงศ์ พระพุทธศักราช ๒๔๖๗ อีกครั้ง
สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ ทรงรับราชสมบัติ
"การสืบสันตติวงศ์ พระเจ้าอยู่หัวจะเป็นผู้ทรงแต่งตั้งพระรัชทายาทให้สืบสันตติวงศ์ และเมื่อถึงกาลจำเป็น เมื่อพระเจ้าอยู่หัวสวรรคตโดยมิได้ทรงถอดถอนพระรัชทายาทนั้น ให้พระรัชทายาทนั้นเป็นผู้รับราชสมบัติสืบสันตติวงศ์ได้ทันที แต่หากพระเจ้าอยู่หัวเสด็จสวรรคตโดยมิได้แต่งตั้งพระรัชทายาท ให้สืบกันตามลำดับโดยให้พิจารณาพระราชโอรสพระองค์โตของพระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศที่ประสูติจากพระอัครมเหสีก่อน และหากพระราชโอรสองค์นั้นสิ้นพระชนม์ไปก่อน ก็ให้พิจารณาพระโอรสองค์โตที่ประสูติจากพระอัครชายาของพระราชโอรสที่สิ้นไปแล้วนั้น"
สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ ทรงรับราชสมบัติ
จึงกราบบังคมทูลอัญเชิญสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ สยามมกุฎราชกุมาร พระรัชทายาท ทรงรับสิริราชสมบัติสืบราชสันตติวงศ์ดำรงพระอิสริยยศพระมหากษัตริย์รัชกาลที่ ๑๐ โดยระหว่างที่ยังมิได้มีพระราชพิธีบรมราชภิเษกตามโบราณราชประเพณี มีพระราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้เฉลิมพระปรมาภิไธยว่า
สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร
มหามกุฎราชเจ้า จอมไทย
วชิระสืบสมัย ก่อเกื้อ
อลงกรณ์ดั่งพรชัย แพร้วเพริศ
ทศรัชทรงโอบเอื้อ เพียบพร้อมผดุงชน
ด้วยเกล้า ด้วยกระหม่อม ขอเดชะ
ข้าพระพุทธเจ้า
สำนักบรรณสารสนเทศ
มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช