เอกองค์ อัครศิลปิน



















    
                ในขณะที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงศึกษาอยู่ ณ ประเทศสวิตเซอร์แลนด์
   และยังทรงเป็นสมเด็จพระอนุชาธิราชอยู่นั้น ทรงเริ่มมีความสนพระราชหฤทัยในดนตรี
   แจ๊ซเป็นอย่างยิ่ง และโปรดการฟังแผ่นเสียงของนักดนตรีแจ๊ซชั้นนำหลายท่าน  อาทิ
   Louis Armstrong, Duke Ellington เป็นต้น และได้ทรงฟังเพื่อศึกษาและเปรียบเทียบแนว
   การเล่นดนตรีของนักดนตรีแต่ละคน และต่อจากนั้นทรงฝึกฝนดนตรีแจ๊ซด้วยพระองค์เอง
   โดยเครื่องเป่าอย่างเสรี สอดแทรกกับเสียงเพลงจากแผ่นเสียงของนักดนตรีแจ๊ซดังกล่าวมา

                ความสนพระราชหฤทัยฝึกฝนหาประสบการณ์ด้วยพระองค์เองวิธีนี้ ประกอบกับพื้น
   ฐานพระราชอัจฉริยภาพด้านดนตรี ทำให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเป็นนักดนตรีผู้มี
   ฝีมือระดับสูง ทรงพระปรีชาสามารถในการเป่าโซปราโนแซกโซโฟนได้อย่างดีเยี่ยมทั้งยังได้
   เคยทรงแซกโซโฟนและคลาริเน็ตโต้ตอบทางดนตรีกับนักดนตรีแจ๊ซที่มีชื่อเสียงของ
   โลก เช่น Benny Goodman และ Stan Getz อย่างคล่องแคล่วทัดเทียมกัน

                ระหว่างการพระราชทานสัมภาษณ์ทางสถานีวิทยุเสียงอเมริกาเมื่อ พ.ศ.2503 นักข่าว
   อเมริกันได้กราบบังคมทูลถามเกี่ยวกับการเล่นดนตรีและแนวดนตรีที่ทรงโปรด พระบาทสมเด็จ
   พระเจ้าอยู่หัวมีพระราชดำรัสตอบอย่างถ่อมพระองค์ตอนหนึ่งว่า

                “...เมื่อพูดถึงการเล่นดนตรีก็ต่างกันอีก ถ้าข้าพเจ้าเล่นเพลงคลาสสิคและมีใคร
   ทำเสียงอย่างนี้ ก็เป็น
การรบกวน เพราะดนตรีคลาสสิคต้องเล่นอย่างตั้งใจจริง ข้าพ
   เจ้าไม่ได้
พักผ่อนเท่าใดนักต้องคอยระวังไม่ให้ผิดโน้ต และไม่ให้ใครมารบกวนข้าพเจ้า
   ถ้าหากข้าพเจ้าต้องเล่นเพลงแจ๊ซก็ดีกว่า
เพราะข้าพเจ้าเล่นทำนองได้ตามใจชอบ ตาม
   ที่รู้สึกขณะนั้น
ตามแต่อารมณ์และความนึกคิดของข้าพเจ้าจะพาไป ถ้าใครมาทำเสียงดัง
   เวลา
นั้น ข้าพเจ้าก็ถือว่าเป็นเสียงประกอบ ถ้าข้าพเจ้าเล่นผิดโน้ต ก็เท่ากับข้าพเจ้าแต่
   ทำนองขึ้นเองในปัจจุบัน”

                ความสนพระราชหฤทัยในดนตรีแจ๊ซ โดยเฉพาะดิกซี่แลนด์แจ๊ซ (Dixieland Jazz)
   นี้ เห็นได้ชัดเจนจากการที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ทรงพระราชนิพนธ์เพลงในแนวแจ๊ซ
   และบลูส์ไว้มากมาย เริ่มตั้งแต่เพลงพระราชนิพนธ์เพลงแรกคือ “แสงเทียน” หรือ “Candlelight”
  
เป็นต้นมา