banner
  • เรือนภาคใต้ตอนบน
  • เรือนภาคใต้ตอนล่าง

       เฉพาะเรือนที่สร้างในบริเวณจังหวัดสุราษฎร์ธานี  นครศรีธรรมราช  พัทลุง  และสงขลา  ส่วนมากเป็นเรือนขาวไทยพุทธ  เป็นเรือนไม้ไม่ใหญ่ ขนาด 2-3 ช่วงเสา  ใต้ถุนไม่สูงนัก  ทรงเตี้ยกว่าเรือนไทยภาคกลาง  เสาเรือนไม่ฝังดินแต่ตั้งอยู่บนตีนเสา  แผ่นหินที่รองรับเสา  เพื่อไม่ให้เสาจมดิน  ปัจจุบันมักทำเป็นเสาคอนกรีตรับเสาไม้  หลังคาทำเป็นหลังคาจั่ว  มุงจาก  กระเบื้อง หรือ สังกะสี  ยอดปั้นลมไม่แหลมอย่างปั้นลมเรือนไทยภาคกลาง  หางปั้นลมนิยมทำตัวเหงา  รูปหางปลา  ฝาเรือนตีเกล็ดตามแนวนอนหรือแนวตั้งอย่างฝาสายบัว  ประตูหน้าต่างเล็ก  ใช้แกนหมุน  วงกบหน้าต่าง  ประตูเข้าเดือยแกะสลักเป็นรูปดาวหรือดอกไม้  มีทั้งที่สร้างเป็นเรือนเดี่ยวและเรือนหมู่ที่มีมากกว่าหนึ่งหลัง  เรือนใหญ่มีระเบียงตามด้านยาวและมีหลังคา  ต่อด้วยลานโล่งเชื่อมเรือนแต่ละหลังเข้าด้วยกัน
       นอกจากเรือนไม้จริงแล้ว  ยังมีเรือนที่สร้างขึ้นชั่วคราว เรียกว่า ขนำ  ใช้เป็นที่พักชั่วคราว ใช้วัสดุที่หาได้ในท้องถิ่น  เช่น  ไม้ไผ่  จาก   หลา  หรือ  ศาลา  เป็นที่พักคนเดินทาง  มักสร้างอย่างง่าย บางแห่งกั้นห้องสำหรับพักแรมด้วย

       ส่วนมากเป็นเรือนชาวไทยมุสลิม มักสร้างด้วยไม้เป็นเรือนแฝด  มีชานแล่นกลาง  ไม่นิยมกั้นห้อง  มักมีบันได้ด้านหน้าและหลังบ้าน  เรือนครัวอยู่ด้านหลังและระเบียงด้านหน้า  ฝาเรือนทำด้วยไม้จริง  สังกะสีหรือไม้ไผ่  มีหน้าต่างต่ำจรดพื้น  เหนือกรอบหน้าต่างเป็นช่องระบายลม  กลางยอดจั่วทำเป็นเสาไม้เล็กๆ สองข้างทำเป็นไม้ฉลุ  สังกะสีฉลุ  เรือนไทยมุสลิมแบ่งออกเป็น 3 แบบ  โดยใช้รูปแบบของหลังคาเป็นเครื่องกำหนด  คือ
       เรือนหลังคาปั้นหยา  หรือ เรือนหลังคา ลีมะฮ์  แปลว่า 5 หมายถึง  เส้นสันหลังคา 5 สันของหลังคาแบบปั้นหยา  นิยมสร้างกันทั่วไปในภาคใต้
       เรือนหลังคาจั่วมนิลา  หรือ บลานอ  หลังคาเป็นหลังคาแบบปั้นหยา  แต่มีจั่วอย่างน้อย 3 จั่วคือ จั่วเรือนแฝด  และจั่วขนาดเล็กของเฉลียงด้านหน้า  ยอดจั่วตกแต่งด้วยลวดลายฉลุ  เรือนบลานออาจได้รับแบบอย่างมาจากสถาปัตยกรรมของชาวฮอลันดาในอดีตที่มีอิทธิพลในแหลมมลายูและชวา
       เรือนหลังคาจั่ว หรือ แบบแมและ  เรือนหลังคาจั่วสามเหลี่ยม  อาจได้รับแบบอย่างมาจากหลังคาเรือนไทยภาคกลาง  เพราะมีปั้นลมเหมือนกันแต่ไม่ทำยอดแหลม 

P21
P18 P19
P21 P22 P21 P22