กระบวนทัศน์การศึกษาเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน ( A Paradigm of Education for Sustainable Development) เขียนโดย รองศาสตราจารย์ ดร.เฟื่องอรุณ ปรีดีดิลก เนื้อหาในหนังสือเล่มนี้ เป็นเรื่องเกี่ยวกับการพัฒนาที่ยั่งยืนที่ยังคงเป็นเป้าหมายหลักสำคัญที่ทุกคนต้องรู้ ต้องเข้าใจ และต้องนำไปใช้ในชีวิตจริงได้อย่างครบถ้วน และสามารถทำหน้าที่ในการเสริมสร้างการพัฒนาที่ยั่งยืนในทุกระดับ ทั้งระดับปัจเจกบุคคล ระดับชุมชนท้องถิ่น ระดับประเทศ และระดับโลก รวมถึงสังคมไทย สังคมโลกให้ความสนใจกับการพัฒนาที่ยั่งยืนเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ อันเนื่องมาจากผู้คนได้รับผลกระทบที่ส่งผลให้เกิดปัญหาทางด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม ดังนั้นการให้ความรู้ การสร้างความเข้าใจ เป็นเรื่องสำคัญที่จะทำให้คนมีความรู้ ทักษะและเจตคติที่ดี ทำให้ผู้ที่ไม่รู้ ได้รู้ และนำไปสู่การปฏิบัติ และขยายผลไปยังกลุ่มเป้าหมายต่าง ๆ ในสังคมมากขึ้น โดยเนื้อหาหนังสือมี 9 บท ดังนี้
บทที่ 1 วิกฤตที่เกิดขึ้นกับความจำเป็นของการเปลี่ยนแปลง ได้แก่ ด้านเศรษฐกิจ เช่น การว่างงาน ค่าครองชีพสูงขึ้น การปรับตัวของตลาดหุ้น ความผันผวนทางเศรษฐกิจโลก นอกจากความท้าทายด้านเศรษฐกิจแล้วทั่วโลกยังต้องเสี่ยงกับการแพร่ระบาดของไวรัสสายพันธุ์ใหม่อีกด้วย รวมถึงด้านสังคม เช่น การก่อสงคราม การใช้อาวุธนิวเคลียร์ การก่อการร้าย เป็นต้น และด้านสิ่งแวดล้อม เช่น การเปลี่ยนสภาพภูมิอากาศ ความหลากหลายทางชีวภาพลดลง มลภาวะทางดิน ทางน้ำ ทางอากาศ
บทที่ 2 กระบวนทัศน์การพัฒนา
นับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2515 เริ่มตั้งแต่องค์การสหประชาชาติจัดให้มีการประชุมสหประชาชาติว่าด้วยสิ่งแวดล้อมของมนุษย์ (United Nations Conference on Human Environment) ซึ่งเรียกร้องให้ทั่วโลก คำนึงถึงผลกระทบของการใช้ทรัพยากรจนเกินขีดจำกัดของทรัพยากรโลก จนเป็นที่มาของการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development) เพื่อให้เกิดความสมดุล 3 มิติ คือ เศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม ซึ่งจะมีตัวบ่งชี้ของแต่ละมิติที่จะนำไปสู่เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals: SDGs)
บทที่ 3 การพัฒนาที่ยั่งยืนของประเทศไทย
การขับเคลื่อนการพัฒนาที่ยั่งยืนของไทย มีกลไกสำคัญ คือ คณะกรรมการเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน (กพย.) ประกอบด้วยตัวแทนจากทุกองค์กรภาครัฐ ภาคเอกชน และภาควิชาการ ความสามารถในการทำงานร่วมกันสะท้อนไห้เห็นจากผลการประเมินพบว่าเป้าหมายที่ 17 ได้แก่ การเสริมสร้างความเข้มแข็งในวิธีการปฏิบัติให้เกิดผล และสร้างพลังแห่งการเป็นหุ้นส่วนความร่วมมือระดับสากลต่อการพัฒนาที่ยั่งยืน (Partnership for the Goals) เป็นเป้าหมายที่ไทยบรรลุได้มากที่สุด
บทที่ 4 การศึกษาเพื่อความเข้าใจอันดีระหว่างประเทศ
นับตั้งแต่การประชุมสมัยสามัญยูเนสโก ครั้งที่ 18 เมื่อ พ.ศ. 2517 (ค.ศ. 1974) โดยมีจุดหมายเพื่อพัฒนามนุษย์อย่างเป็นองค์รวมทั้งด้านความรู้ จริยธรรม และสุนทรียภาพ แนวคิดของ EIU ครอบคลุมประเด็นสำคัญต่าง ๆ อาทิ สิทธิมนุษยชนศึกษา สิ่งแวดล้อมศึกษา (Environmental Education) การศึกษาเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน (Education for Sustainable Development) เป็นต้น เพื่อให้การขับคลื่อนกิจกรรมต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง
บทที่ 5 การศึกษากับการพัฒนาที่ยั่งยืน
นับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2515 โดย Swee-Hin (2006) ได้นำเสนอลำดับเหตุการณ์สำคัญที่เรียกว่า A River Metaphor for ESD/EIU ระยะแรกองค์การสหประชาชาติริเริ่มให้มีการประชุมสหประชาชาติว่าด้วยสิ่งแวดล้อมของมนุษย์ (The United Nations Conference on Human Environment) โดยในการประชุมครั้งนั้นได้มีการกล่าวถึงสิ่งแวดล้อมศึกษา (Environmental Education: EE) เป็นครั้งแรก จากวิกฤตโลกกับความจำเป็นของการเปลี่ยนกระบวนทัศน์การพัฒนานี้ สะท้อนให้เห็นถึงปัญหาโลกที่เกิดขึ้นจากพฤติกรรมมนุษย์ที่มีฐานความคิดเกี่ยวกับการใช้ชีวิตที่เป็นบ่อนทำลายสิ่งแวดล้อม เน้นในเรื่องเศรษฐกิจจนละเลยความสมดุลของสังคมและสิ่งแวดล้อม จนกระทั่งมนุษย์ได้รับผลกระทบเหล่านั้นเป็นอย่างมาก
บทที่ 6 วิชาชีพครูกับการพัฒนาที่ยั่งยืน
การศึกษาเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน (Education for Sustainable Development: ESD) คือ การศึกษาที่นักเรียนจะได้เรียนรู้ทักษะ สมรรถนะค่านิยม และสรรพวิทยาการที่ต้องการเพื่อให้เกิดการพัฒนาที่ยั่งยืน นอกจากนั้นยังต้องเป็นการศึกษาในทุกระดับชั้น ในทุกบริบทของสังคม ทั้งนี้ ESD เป็นการศึกษาที่สนับสนุนความรับผิดชอบในสิทธิพลเมืองและส่งเสริมประชาธิปไตย โดยเปิดโอกาสให้ประชาชนและชุมชนได้ใช้สิทธิและความรับผิดชอบของตนเองอย่างเต็มที่ ซึ่งการศึกษาเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนยังหมายถึงการเรียนรู้ตลอดชีวิตและการศึกษาที่ช่วยสร้างสมดุลในการพัฒนาของปัจเจกบุคคลอีกด้วย
บทที่ 7 ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงกับการพัฒนาที่ยั่งยืน
ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง (Sufficiency Economy Philosophy: SEP) เป็นปรัชญาที่ในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงพระราชทานให้กับปวงชนชาวไทย เมื่อปี พ.ศ. 2517 ทรงมีพระบรมราโชวาทชี้แนะแนวทางการดำรงอยู่และปฏิบัติตนของประชาชนในทุกระดับตั้งแต่ระดับครอบครัว ระดับชุมชน จนถึงระดับภาครัฐ ในการพัฒนาและบริหารประเทศให้ดำเนินไปในทางสายกลาง ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงยังขยายไปสู่สากลมาเป็นระยะเวลาหลายสิบปี ล่าสุดได้ขยายไปสู่เวทีนานาชาติ ดังเช่นในการประชุม G77 เดือนกันยายน พ.ศ. 2559 ที่ประชุมมีการรับรองปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงให้เป็นหนึ่งแนวทางสำหรับการพัฒนาเพื่อสนับสนุนการบรรลุวาระการพัฒนาที่ยั่งยืนของสหประชาชาติภายใต้นโยบาย “Sufficiency Economy Philosophy for Sustainable Development Goals Partnership” หรือ “SEP for SDGs Partnership” แสดงให้เห็นว่า SEP และ SDGs สามารถสนับสนุนซึ่งกันและกัน โดยปัจจุบันมีหลายประเทศได้นำรูปแบบดังกล่าวนี้ไปใช้แล้วส่งผลให้ชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนดีขึ้น
บทที่ 8 กลยุทธ์การจัดการศึกษาเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน
กลยุทธ์การจัดการศึกษาเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน เป็นหนึ่งในลักษณะสำคัญของแผนปฏิบัติการโลก ได้แก่ การมุ่งการดำเนินงานใน 5 เรื่อง คือ 1) ความก้าวหน้าเชิงนโยบาย 2) การเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อมการเรียนรู้และการอบรม 3) การสร้างศักยภาพนักศึกษาและผู้ฝึกอบรม 4) การส่งเสริมและขับเคลื่อนเยาวชน และ 5) การส่งเสริมโครงการเพื่อสร้างความยั่งยืนในระดับท้องถิ่น
บทที่ 9 บทส่งท้าย
โดยในบทส่งท้ายนี้จะเป็นการสังเคราะห์เนื้อหาสาระตั้งแต่บทที่ 1-8 รวมถึงการอภิปรายเชื่อมโยงให้เห็นถึงบทบาทการศึกษาที่ก่อให้เกิดความยั่งยืน โดยแบ่งออกเป็น 3 ตอน ได้แก่ ตอนที่ 1 ผลของการพัฒนาที่ผ่านมา ตอนที่ 2 สถานการณ์การศึกษาเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน และตอนที่ 3 กรอบการวิเคราะห์ทางการศึกษา จากการวิเคราะห์ทางการศึกษาข้างบนจะเห็นว่า การส่งเสริมหรือการขับเคลื่อนการพัฒนาที่ยั่งยืน ซึ่งจะนำไปสู่ผลผลิตเป็นไปตามที่ต้องการ เช่น ทักษะในศตวรรษที่ 21 สมรรถนะหลักเพื่อความยั่งยืน และความเป็นพลเมืองโลก เป็นต้น
หากสนใจหนังสือเล่มนี้สามารถอ่านออนไลน์ได้ที่ https://bit.ly/4mmH7pm