เคยสงสัยไหมว่าทำไมวันศุกร์หลังจากวันขอบคุณพระเจ้าถึงกลายเป็นวันช้อปปิ้งที่คึกคักที่สุดในปี? Black Friday ไม่ใช่แค่วันลดราคาทั่วไป แต่ยังเป็นจุดเริ่มต้นของการเฉลิมฉลองช่วงเทศกาลของขวัญที่หลายคนรอคอย มาฟังประวัติและร่วมกันสำรวจเคล็ดลับการช้อปปิ้งให้คุ้มค่าในวัน Black Friday
Black Friday คืออะไร?
หลายคนอาจจะเคยได้ยินชื่อนี้ แต่รู้หรือไม่ว่า Black Friday คือวันที่เกิดขึ้นหลังจากวันขอบคุณพระเจ้า หรือ Thanksgiving ในสหรัฐอเมริกา มักจะตรงกับวันศุกร์ที่ 4 ของเดือนพฤศจิกายนของทุกปี ถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นของฤดูกาลช้อปปิ้งสำหรับวันหยุดยาว เป็นวันที่ร้านค้าและแบรนด์ต่างๆ จัดโปรโมชั่นลดกระหน่ำให้คนออกมาช็อปปิ้งเริ่มซื้อของขวัญ เพื่อเตรียมตัวสำหรับช่วงเทศกาลคริสต์มาสและปีใหม่
มีจุดเริ่มต้นมาจากเมืองฟิลาเดลเฟีย ประเทศสหรัฐอเมริกา ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1952 ช่วงสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 ตรงกับวันศุกร์หลังจากวันขอบคุณพระเจ้า (Thanksgiving Day) ร้านค้าต่าง ๆ ก็เริ่มจัดโปรโมชั่นและลดราคาสินค้า ทำให้วันนี้กลายเป็นวันแห่งการช้อปปิ้งที่ได้รับความนิยมอย่างมาก ประชาชนต่างพากันออกมาช้อปปิ้งกันอย่างบ้าคลั่ง จนรถติด เกิดเหตุไม่สงบ ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องมาดูแลความวุ่นวาย และได้ให้นิยามเหตุการณ์นี้ว่า “Black Friday” หรือ “วันศุกร์มืดมน” นั่นเอง
แต่คำว่า “Black Friday” ทำให้ผู้ค้าปลีกที่ชื่อว่า “Philly” รู้สึกฟังแล้วดูมืดหม่น ในปี 1980 เขาจึงคิดให้วัน Black Friday มีความหมายว่าเป็นวันสำหรับการซื้อขายสินค้ารายใหญ่ระดับประเทศ เปลี่ยนยอดขายจาก “สีแดง” (ยอดขายที่ขาดทุน) ให้กลายเป็น “สีดำ” (ยอดขายที่ได้กำไร) ภายในวันเดียว จนกระแสโด่งดัง และเป็นจุดหมายสำคัญของร้านค้าและนักช้อป เพราะทุกที่จะจัดโปรโมชั่นหรือส่วนลดพิเศษให้ได้จับจ่ายกันอย่างหนำใจและด้วยกระแสของอินเทอร์เน็ต และอีคอมเมิร์ซ ทำให้ผู้ประกอบการเปิดเส้นทางการขายสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์ เพิ่มความสะดวกสบายช้อปปิ้งได้ผ่านปลายนิ้ว กลายเป็นเทศกาลแห่งการช้อปปิ้ง 4 วันรวด ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งปี จาก Black Friday ไปจนถึง Cyber Monday ที่เราคุ้นเคยกันนั่นเอง
ปัจจุบัน Black Friday ไม่ได้จำกัดอยู่แค่ในสหรัฐฯ เท่านั้น แต่ยังแพร่หลายไปทั่วโลก หลายประเทศก็รับเอาแนวคิดนี้มาใช้ในการกระตุ้นยอดขาย และร้านค้าออนไลน์หลายแห่งก็มักจะจัดดีลสุดพิเศษเพื่อดึงดูดลูกค้า สิ่งที่ทำให้ Black Friday พิเศษคือส่วนลดสินค้าจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้า เสื้อผ้า อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ และอื่น ๆ อีกมากมาย ผู้คนจำนวนมากตื่นเต้นกับดีลสุดคุ้มที่มีในวันนี้ จนถึงขั้นยืนรอหน้าร้านตั้งแต่เช้ามืด เพื่อให้ได้สินค้าที่ถูกใจในราคาที่คุ้มค่า ถือเป็นโอกาสในการซื้อของขวัญและสินค้าต่าง ๆ สำหรับเทศกาลวันหยุด
เทคนิคในการเลือกซื้อสินค้าให้คุ้มค่าและมีประสิทธิภาพ
นอกจาก Black Friday จะเป็นช่วงเวลาที่ดีในการช้อปปิ้งแล้ว หลายคนอาจจะสงสัยว่า การเลือกซื้อสินค้าให้คุ้มค่าและมีประสิทธิภาพควรทำอย่างไรบ้าง? วันนี้ห้องสมุด มสธ. มีหนังสือที่น่าสนใจมาแนะนำสำหรับคนที่อยากจะเป็นนักช้อปที่ชาญฉลาด ซึ่งไม่เพียงช่วยให้เข้าใจวิธีเลือกซื้อสินค้าให้ได้ราคาที่ดีที่สุด แต่ยังช่วยให้เราตระหนักถึงความสำคัญของการบริโภคอย่างมีสติในโลกยุคปัจจุบัน คือ หนังสือ ฉลาดเลือก ฉลาดออม ฉลาดลงทุน โดยผู้แต่ง วิวรรณ ธาราหิรัญโชติ ซึ่งแนะนำเกี่ยวกับเทคนิคในการซื้อของที่สามารถนำมาใช้ได้กับทั้งการซื้อของส่วนบุคคลและการซื้อของสำหรับบริษัท ดังนี้
- ซื้อของลดราคา ความสุขของการซื้อของคือ ได้สินค้าที่ถูกกว่าราคาปกติ แต่ข้อควรระวังคือ ให้ถามตัวเองก่อนว่าหากสินค้านี้ไม่ลดราคา เราจะซื้อหรือไม่ ควรติดตามข่าวสารการลดราคาอยู่เสมอ โดยเฉพาะการลดราคาสินค้าในเคาน์เตอร์ปกติ หากมีการวางแผนดีๆ จะสามารถประหยัดเงินไปได้มากทีเดียว
- ระวังของมีตำหนิ บางครั้งสินค้าที่นำมาลดราคาเป็นสินค้าเก่าหรือมีตำหนิ ต้องตรวจสอบก่อนว่า คุ้มกับราคาที่ลดลงหรือไม่ สินค้าลดราคาที่น่าซื้อจะเป็นสินค้าที่เปลี่ยนแบบหรือหมดฤดูกาล ซึ่งหากพิจารณาว่าสามารถนำไปใช้ในฤดูกาลหน้าได้ ก็น่าจะซื้อ แต่สินค้าที่ลดราคาเพราะเสียหายแล้ว ซื้อไปก็ไม่คุ้ม
- เหมาโหลถูกกว่า การรวมกันซื้อทีละมากๆ ย่อมได้ราคาต่อชิ้นที่ถูกลง หากมีเพื่อนๆ ที่สนใจสินค้าประเภทเดียวกัน สามารถรวบรวมซื้อทีละมากๆ ได้เพื่อขอส่วนลด หรือบางครั้งไม่จำเป็นต้องเป็นสินค้าแบบเดียวกัน การซื้อสินค้าหลายชิ้นจากร้านเดียวกัน สามารถขอส่วนลดได้เช่นกัน
- รู้จักวงจรชีวิตของสินค้า สินค้าบางอย่างมีช่วงที่ร้านค้านำมาลดราคา หากไม่ต้องการใช้เร่งด่วนก็น่าจะรอซื้อได้ หรือสินค้าบางประเภท เช่น สินค้าอิเล็กทรอนิกส์ มักจะตกรุ่นเร็วมาก เช่น โทรศัพท์มือถือ คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ค หรือกล้องดิจิตอล มักมีราคาที่สูงมากเวลาออกสู่ตลาดใหม่ๆ และจะลดลงอย่างรวดเร็วภายในระยะเวลาไม่กี่เดือน หรือเมื่อมีสินค้ารุ่นใหม่ออกมา ดังนั้นหากยังไม่จำเป็นก็อาจจะรอจนกว่ารุ่นที่อยากได้ราคาลดลงมาพอสมควร เช่นเดียวกับสินค้าแฟชั่น ผ่านไปแล้วเดี๋ยวก็หมุนกลับมาใหม่ ถึงตอนนี้อาจจะตกรุ่นก็อย่าเพิ่งทิ้งไป เพราะแฟชั่นมักจะเวียนกลับมาอีกครั้ง
- ซื้อเท่าที่จำเป็น สินค้าบางอย่างมีอ็อปชั่นให้เลือกมาก หากไม่จำเป็นก็ไม่ต้องเลือกให้ครบ หรือ “ฟูลอ็อปชั่น” เสมอไป เพราะยิ่งเลือกอ็อปชั่นมาก ก็ยิ่งต้องจ่ายเพิ่มมากขึ้น แถมอาจเสียเงินไปเปล่าๆ เพราะไม่เคยใช้งานฟังก์ชั่นนั้นเลย
- ไม่ซื้อของตามแรงกระตุ้น หรือ Impulse Buying เมื่ออยู่ในร้านค้า พนักงานขายจะพยายามกล่อมให้ท่านตัดสินใจภายในช่วงนั้น เนื่องจากรู้ว่าหากท่านกลับไปคิดที่บ้าน มีโอกาสเกินกว่าครึ่งที่จะเปลี่ยนใจไม่กลับมาซื้อ ดังนั้นเขาพยายามยื่นข้อเสนอพิเศษเพื่อให้ท่านตัดสินใจเลย ยิ่งสินค้าที่มีมูลค่าสูงเท่าไหร่ ก็ยิ่งต้องกลับไปคิดทบทวนนานเท่านั้น
- บัตรส่วนลดหรือคูปองสิทธิพิเศษ สามารถสอบถามจากผู้ขายได้ว่าทางร้านรับบัตรส่วนลดอะไรบ้าง หรือหากมีโปรโมชั่นส่งมา ไม่ว่าจะเป็นของบัตรเครดิตที่ท่านเป็นสมาชิก หรือบัตรส่วนลดของร้านค้า หรือคูปองต่างๆ ก็ควรเก็บไว้ใช้ลดราคาได้
- เก็บใบเสร็จรับเงินไว้ เมื่อซื้อสินค้าราคาสูง เพราะหากสินค้าที่ซื้อไปแล้วมีปัญหา สามารถนำสินค้าพร้อมใบเสร็จรับเงินไปขอเปลี่ยนเป็นสินค้าชิ้นใหม่ หรือขอรับเงินคืนได้ ส่วนใหญ่ร้านจะมีบริการนี้ ยกเว้นบางร้านที่จะตีไว้ในใบเสร็จรับเงินสำหรับสินค้าที่ลดราคาว่า “ไม่รับเปลี่ยนหรือคืนเงิน”
หวังว่าจะเพลิดเพลินกับการช้อปปิ้งในช่วง Black Friday และนำเทคนิคในการเลือกซื้อสินค้าไปปรับใช้เพื่อให้ได้สินค้าที่คุ้มค่า ราคาดีที่สุด แถมช่วยประหยัดเงินในกระเป๋าอีกด้วยนะคะ
รายการอ้างอิง
วิวรรณ ธาราหิรัญโชติ. (2548). ฉลาดเลือก ฉลาดออม ฉลาดลงทุน. https://www.2ebook.com/new/library/book_detail/stou/02001079
อมรินทร์ทีวี. (2566, 24 พฤศจิกายน). เปิดที่มาเทศกาล Black Friday มหกรรมลดแหลก แจกกระจาย ถูกใจสายช้อป. https://www.amarintv.com/news/detail/197003
เรียบเรียงโดย
นางสาวอริชา เนตรวงศ์ บรรณารักษ์ สำนักบรรณสารสนเทศ