สมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินี ในรัชกาลที่ 7 ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณต่อมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราชเป็นอย่างมาก
เมื่อวันที่ 5 กันยายน 2522 สมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินีได้พระราชทานพระราชวโรกาสให้ ศาสตราจารย์ ดร.วิจิตร ศรีสอ้าน ผู้ก่อตั้งและอธิการบดีคนแรกของ มสธ. พร้อมด้วยศาสตราจารย์ ดร.เอี่ยม ฉายางาม และคณะผู้บริหาร เข้าเฝ้าฯ ทูลเกล้าฯ ถวายรายงานกิจการของมหาวิทยาลัยในวาระการสถาปนาครบรอบ 1 ปี เมื่อวันที่ 5 กันยายน และศาสตราจารย์ ดร.วิจิตร ศรีสอ้าน เป็นผู้แทนถวายตราประจำ มสธ.
เพื่อรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณที่มีต่อมหาวิทยาลัย ซึ่ง “สุโขทัยธรรมาธิราช” เป็นมงคลนามที่พระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานตามพระนามทรงกรมในพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อครั้งทรงดำรงพระอิสริยยศเป็น “กรมหลวงสุโขทัยธรรมราชา” และพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้อัญเชิญพระราชลัญจกรในรัชกาลที่ 7 พระแสงศรสามองค์บนบันไดแก้วมาประกอบกับรูปเจดีย์ทรงพุ่มข้าวบิณฑ์ เป็นตราประจำมหาวิทยาลัย ในการนั้น สมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชนี ได้พระราชทานกำลังใจในการปฏิบัติงานแก่คณะผู้บริหาร
ปีต่อมา เมื่อวันที่ 4 กันยายน 2523 มหาวิทยาลัยได้มีหนังสือขอพระราชทานพระราชวโรกาสกราบบังคมทูลถวายรายงานความก้าวหน้าของมหาวิทยาลัยต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 รายละเอียดโดยสังเขป ดังนี้ “มีการบรรจุอาจารย์และบุคลากรเพิ่มเป็น 157 คน โดยมีกำหนดเปิดสอนเมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 2523 ในระดับปริญญาตรี 2 สาขาวิชา คือ สาขาวิชาศึกษาศาสตร์ และสาขาวิชาวิทยาการจัดการ คาดว่าจะมีผู้มาสมัครเรียนจำนวนกว่าหมื่นคนในภาคการศึกษาแรก”
เมื่อเดือนกันยายน พ.ศ. 2524 มหาวิทยาลัยได้กราบบังคมทูลรายงานความก้าวหน้าของมหาวิทยาลัย เป็นครั้งที่ 3 ซึ่งสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินี โปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานข้อความแสดงความยินดีผ่านราชเลขานุการประจำพระองค์ถึงมหาวิทยาลัย ความว่า
“ทรงมีความยินดีอย่างยิ่งที่ท่านทั้งหลายได้ช่วยกันดำเนินงานของมหาวิทยาลัยฯ ให้เจริญรุ่งเรืองตามที่ได้ถวายรายงานมานั้น ขอพระราชทานพรให้ท่านทั้งหลายจงมีความสุขความเจริญทั้งในกิจการงานและด้านส่วนตัว ขอให้มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราชจงสถิตสถา พร เพื่อผลิตนักศึกษามาทำงานให้ประเทศชาติของเราเจริญรุ่งเรืองสืบไปชั่วกาลนาน”
เมื่อปี พ.ศ. 2538 มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราชร่วมกับมูลนิธิพระบรมราชานุสรณ์พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินี จัดสร้างถาวรวัตถุเพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติและแสดงความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของทั้งสองพระองค์ คือ “ห้องพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินี” ซึ่งได้รับพระราชทานพระบรมราชานุญาตจากพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ให้อัญเชิญพระปรมาภิไธยในพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว และพระนามาภิไธยในสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินี เป็นชื่อห้อง โดยมีพิธีเปิดห้องอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน 2538 ได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ขณะดำรงพระอิสริยยศสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เสด็จพระราชดำเนินมาทรงเป็นประธานในพิธีเปิด
“ห้องพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินี” เป็นพิพิธภัณฑ์และห้องสมุดเฉพาะด้านที่รวบรวมและให้บริการเผยแพร่สารสนเทศอันแสดงถึงพระราชประวัติ พระราชกรณียกิจ และเหตุการณ์สำคัญที่เกิดขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 7 ระหว่าง พ.ศ. 2468 – 2477 ณ อาคารบรรณสาร ชั้น 2 มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช
ข้อมูลเพิ่มเติมที่น่าสนใจ
- ร้อยเรื่องเล่า…จากชาวบรรณสารฯ ตอน ห้องพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวฯ
- ห้องพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวฯ แหล่งเรียนรู้ตลอดชีวิตของชาติ
- 8 พฤศจิกายน 2538 พิธีเปิดห้องพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวฯ
เอกสารอ้างอิง
สำนักบรรณสารสนเทศ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช. (2557). 120 ปี ผ่านฟ้า ประชาธิปก. สำนัก.
ภาพิศุทธิ์ สายจำปา. สู่การปกครองตนเองในระดับท้องถิ่นในรูปแบบเทศบาล. สถาบันพระปกเกล้า. http://wiki.kpi.ac.th
ผู้เรียบเรียง
รัชกร คงเจริญ บรรณารักษ์ สำนักบรรณสารสนเทศ มสธ.